อาหารสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน
การควบคุมอาหารสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน
ผู้เป็นเบาหวานจำเป็นต้องเรียนรู้ในการปรับการรับประทานอาหารให้เหมะสม ดังข้อแนะนำต่อไปนี้
อาหารสำหรับผู้ป่วยเบาหวานแบ่งง่ายๆ ออกเป็น 3 ประเภท คือ
ประเภท 1 อาหารที่ห้ามรับประทาน
ได้แก่ น้ำตาล และขนมหวาน เช่นทองหยิด ฝอยทอง สังขยา ลอดช่อง อาหารเชื่อม เค้า ช็อกโกแลตไอ้ศกรีม และขนมหวานอื่นๆ
เครื่องดื่มที่ห้ามรับประทาน
เครื่องประเภทน้ำอัดลม น้ำเขียว น้ำแดง โอเลี้ยง เครื่องดื่อชูกำลัง นมข้นหวาน น้ำเกลือแร่ น้ำผลไม้ ซึ่งมีน้ำตาลประมาณ 8-15% เป็นส่วนใหญ่ ยกเว้นน้ำมะเขือเทศ มีน้ำตาลประมาณ 1%
ควรดื่มน้ำเปล่า หรือน้ำชาไม่ใส่น้ำตาล ถ้าดื่มกาแฟ ควรดื่มกาแฟดำไม่ใส่น้ำตาล นมข้นหวาน หรือครีมเทียม (ซึ่งประกอบด้วยน้ำตาลกลูโคส 58% น้ำมันปาร์ปาล์ม 33%) ควรใส่นมจืดพร่องไขมัน สำหรับนมเปรี้ยวส่วนใหญ่ไม่ใช้นมพร่องไขมัน และมีน้ำตาลอยู่ด้วยประมาณ 5-6%
ถ้าดื่มน้ำอัดลม ควรดื่มน้ำอัดลม ควรดื่มน้ำอัดลมที่ใส่น้ำตาลเทียม เช่น เป๊ปซี่แม็กซ์ โค้กไลท์ เป็นต้น
น้ำตาลเทียม น้ำตาลเทียมที่มีในปัจจุบันมี 3 ประเท คือ
- แอสปาแทม จำหน่ายแบบเม็ดและแบบซอง แอสปาแทมเป็นสารอาหาร คือ กรดอะมิโนเอซิด ( amino acid) มีสารอาหารต่ำ ใน 1 เม็ด มี 2 กิโลแคลอรี่ ใน 1 ซอง มี 4 กิโลแคลอรี่ จึงรับประทานได้ ต่ไม่มากจนเกินไป ซึ่งเป็นส่วนผสมของน้ำอัดลม ที่ไม่มีน้ำตาล สำหรับคำเตือน ข้างกลิองน้ำตาลเทียม และกระป๋องน้ำอัดลม ว่าห้ามใช้ในผู้ป่วยที่เป็นฟีนิลคีโตนยูเรีย (phenylketonuria)โรคนี้พบน้อยในเมืองไทย และถ้าเป็นโรคนี้จะได้รับการวินิจฉัยโรคตั้งแต่เด็ก
- แซคคารีน(saccharin)หรือขัณฑสกร ชื่อทางการค้าว่า สวีทแอนด์โลว์ ( sweet and low)ไม่มีสารอาหาร มีการศึกษาว่าทำให้เกิดมะเร็งกระเพาะปัสสาวะในหนู แต่ต้องใช้ปริมาณมากสูงมาก ในคนยังไม่มีหลักฐานว่าจะทำให้เกิดมะเร็ง
- น้ำตาลฟรุคโตส หรือซอร์บิทอล เป็นน้ำตาลที่ผสมอยู่ในช้อกโกแลต เบาหวาน แยมเบาหวาน เป็นต้น หรือจำหน่ายเป็นผงในกระป๋อง น้ำตาลเบาหวาน แยมเบาหวาน เป็นต้น หรือจำหน่ายเป็นผงในกระป๋อง น้ำตาลชนิดนี้ เป็นน้ำตาลจากผลไม้ มีสารอาหารเท่ากับน้ำตาลไม่ควรรับประทานน้ำตาลเทียมชนิดนี้ เพราะอาจเข้าใจผิดว่ไม่มีสารอาหาร และใหญ่ผู้ป่วยเบาหวานรับประทานผลไม้อยู่
- อะซซัลเฟม เค เป็นส่วนประกอบในน้ำอัดลมที่ไม่มีน้ำตาล
ประเภทที่ 2 อาหารที่รับประทานได้ไม่จำกัดจำนวน
ได้แก่ ผักใบเขียวทุกชนิด เช่น ผักกาด ผักคะน้า ถั่วฝักยาว ผักบุ้ง ถั่วงอก ทำเป็นอาหาร ตัวอย่างเช่น ต้มจืด ยำ สลัด ผัดผัก เป็นต้น อาหารเหล่านี้มีสารอาหารต่ำ นอกจากนั้น ยังมีกากใยอาหารที่เรียกว่า ไฟเบอร์ ซึ่งทำให้การดูดซึมน้ำตาลช้าลง
ประเภทที่ 3 อาหารที่รับประทานได้แต่ไม่ต้องเลือกชนิด หรือจำกัดจำนวน
ได้แก่ อาหารพวกแป้ง (คาร์โบไฮเดรต)ปัจจุบันอาหารพวกแป้งนั้นไม่จำกัดจำนวน ถ้าผู้ป่วยไม่อ้วนมาก เนื่องจากลดอาหารจำพวกแป้ง ทำให้ต้องเพิ่มอาหารไขมัน ซึ่งอาจเป็นเป็นผลให้ระดับไขมันสูง และเพิ่มเนื้อสัตว์ ทำให้หน้าที่ของไตเสียเร็วขึ้นในผู้ป่วยที่มีโรคไตร่วมด้วย ผลไม้ต้องจำกัดจำนวน ควรรับประทานพร้อมกัยอาหารครั้งละ 1 ส่วน ตามตารางแลกเปลี่ยน
เนื่องจากอาหารกลุ่มแป้งหลีกเลี่ยงได้ยาก โดยเฉพาะอาหารไทย ดังนั้น จึงควรเลือกรับประทานอาหารคาร์โบ”ฮเดรตที่มีคุณภาพ โดยคำนึงถึงปัจจัย 2 อย่าง คือ
- ปริมาณไฟเบอร์ (เส้นใยอาหาร)
- ไกลซีมิค อินเดกซ์ (glycemic index)ดังได้กล่าวได้แล้วว่า อาหารไฟเบอร์ ทำให้การดูดซึมอาหารช้าลง จึงควรรับประทานอาหารคาร์โบไฮดรตที่มีไฟเบอร์สูง ควรได้รับไฟเบอร์ทั้งหมดประประมาณ 40 กรัม/วัน
แบ่งอาหารตามปริมาณไฟเบอร์ในอาหาร
อาหารที่มีไฟเบอร์สูง(มากกว่า 3 กรัม/อาหาร 100 กรัม)
แอปเปิ้ล แพร์
ฝรั่ง ถั่วเขียว
ข้าวโพดอ่อน แครอท